- 1การพิพากษาคนอัมโมน เกี่ยวกับคนอัมโมนอสค.21:28-32; 25:1-7; อมส.1:13-15; ศฟย.2:8-11 พระยาห์เวห์ตรัสว่า“อิสราเอลไม่มีบุตรหรือ?เขาไม่มีทายาทหรือ?ทำไมพระมิลโคมจึงเข้ายึดกาดและให้ประชาชนของท่านไปอยู่ในเมืองทั้งหลายของกาด?
- 2พระยาห์เวห์ตรัสว่า เพราะฉะนั้น นี่แน่ะวันเวลาจะมาถึงเมื่อเราจะทำให้ได้ยินเสียงสัญญาณสงครามสู้กับนครรับบาห์ของคนอัมโมนมันจะกลายเป็นกองซากเมืองที่ร้างเปล่าและชนบทของเมืองนั้นจะถูกเผาเสียด้วยไฟแล้วอิสราเอลจะเข้ายึดผู้ที่เข้ายึดเขาพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
- 3“เฮชโบนเอ๋ย จงคร่ำครวญเพราะเมืองอัยถูกทิ้งร้างชาวนครรับบาห์เอ๋ย จงร้องร่ำไรจงเอาผ้ากระสอบคาดเอวไว้จงโอดครวญ วิ่งไปวิ่งมาอยู่ภายในกำแพงเพราะพระมิลโคมจะต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยพร้อมกับปุโรหิตและเจ้านายของมัน
- 4บุตรีผู้กลับสัตย์เอ๋ยทำไมเจ้าโอ้อวดถึงบรรดาที่ลุ่มคำนี้ในภาษาฮีบรูแปลได้อีกว่า กำลัง ที่ลุ่มของเจ้ามีน้ำไหลผู้วางใจในสมบัติของตนว่า‘ใครจะมาสู้ฉัน?’
- 5พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่านี่แน่ะ เราจะนำความสยดสยองมาเหนือเจ้าจากทุกคนที่อยู่รอบตัวเจ้าและเจ้าทุกคนจะถูกขับไล่ออกไปต่อหน้าเขาและจะไม่มีใครรวบรวมคนลี้ภัยได้
- 6แต่ภายหลังเราจะให้คนอัมโมนกลับสู่สภาพเดิม”พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
- 7การพิพากษาเอโดม เกี่ยวกับเอโดมอสย.34:5-17; 63:1-6; อสค.25:12-14; 35:1-15; อมส.1:11-12; อบด.1-14; มลค.1:2-5 พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า“สติปัญญาไม่มีในเทมานอีกแล้วหรือ?คำปรึกษาสูญสิ้นไปจากผู้เฉลียวฉลาดแล้วหรือ?สติปัญญาของเขาหายสูญไปเสียแล้วหรือ?
- 8ชาวเมืองเดดานเอ๋ยจงหนี จงหันกลับ จงอาศัยในถ้ำลึกเพราะว่าเราจะนำภัยพิบัติของเอซาวมาเหนือเขาเวลาเมื่อเราลงโทษเขา
- 9ถ้าคนเก็บองุ่นมาหาเจ้าเขาจะไม่ทิ้งองุ่นตกค้างไว้บ้างหรือ?ถ้าขโมยมาเวลากลางคืนเขาจะไม่ปล้นเอาเฉพาะที่เขาพอใจหรือ?
- 10แต่เราได้ทำให้เอซาวเปลือยเปล่าเราได้เปิดเผยที่ซ่อนของเขาและเขาไม่สามารถซ่อนตัวได้ลูกหลานของเขาถูกทำลาย รวมทั้งพี่น้องของเขาและเพื่อนบ้านของเขา ไม่มีเขาอีกต่อไปแล้ว
- 11จงทิ้งเด็กกำพร้าของเจ้าไว้เถิด เราจะให้เขามีชีวิตอยู่และให้แม่ม่ายของเจ้าวางใจในเราเถิด”
- 12เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ถ้าคนที่ยังไม่สมควรจะดื่มจากถ้วยนั้นยังต้องดื่ม เจ้าจะพ้นโทษไปได้หรือ? เจ้าจะพ้นโทษไปไม่ได้ เจ้าจะต้องดื่มด้วย
- 13พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราได้ปฏิญาณโดยนามของเราแล้วว่า เมืองโบสราห์จะต้องกลายเป็นความหวาดหวั่น เป็นคำตำหนิ เป็นที่ทิ้งร้าง และเป็นคำสาปแช่ง และบรรดาเมืองทั้งสิ้นของเขาจะเป็นที่ทิ้งร้างเป็นนิตย์”
- 14ข้าพเจ้าได้ยินข่าวจากพระยาห์เวห์ทูตคนหนึ่งถูกส่งไปท่ามกลางบรรดาประชาชาติ บอกว่า“จงรวบรวมพวกเจ้าเข้ามาต่อสู้เมืองนั้นและลุกขึ้นทำสงครามเถิด”
- 15เพราะว่านี่แน่ะ เราจะทำให้เจ้าเล็กท่ามกลางบรรดาประชาชาติให้เป็นที่ดูหมิ่นท่ามกลางมนุษย์
- 16ความหวาดกลัวของเจ้าทั้งความเห่อเหิมแห่งใจของเจ้าได้หลอกลวงเจ้า เจ้าผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในซอกหินผู้ยึดยอดภูเขาไว้แม้เจ้าทำรังของเจ้าสูงเหมือนอย่างรังนกอินทรีเราจะฉุดเจ้าลงมาจากที่นั่น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
- 17“เอโดมจะกลายเป็นความหวาดหวั่น ทุกคนที่ผ่านมันไปจะหวาดหวั่น และจะเยาะเย้ยเพราะความหายนะทั้งสิ้นของมัน
- 18อย่างเมื่อเมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ และเมืองใกล้เคียงของมันถูกทำลายปฐก.19:24-25 พระยาห์เวห์ตรัสว่า ไม่มีใครจะพำนักอยู่ที่นั่น ไม่มีใครจะอาศัยในเมืองนั้น
- 19นี่แน่ะ เราจะทำให้พวกเขาหนีไปจากมันอย่างฉับพลัน เหมือนอย่างสิงโตขึ้นมาจากดงลุ่มแม่น้ำจอร์แดนกระโจนสู่ทุ่งหญ้าที่เขียวสด เราจะแต่งตั้งผู้ที่เราเลือกสรรไว้เหนือมัน ใครเป็นอย่างเราเล่า? ใครจะฟ้องเราเล่า? ผู้เลี้ยงแกะคนใดจะทนยืนอยู่ต่อหน้าเราได้?
- 20เพราะฉะนั้น จงฟังแผนงานซึ่งพระยาห์เวห์ทรงกระทำไว้ต่อสู้เมืองเอโดม และพระประสงค์ซึ่งพระองค์ทรงดำริขึ้นต่อสู้ชาวเมืองเทมาน คือถึงแม้ตัวเล็กๆ ที่อยู่ในฝูงก็ต้องถูกลากเอาไป คอกของเขานั้นจะหวาดหวั่นเพราะเคราะห์กรรมของตน
- 21แผ่นดินโลกจะสั่นสะเทือนเพราะเสียงที่มันล้ม เสียงคร่ำครวญของเขาจะได้ยินถึงทะเลแดง
- 22ดูเถิด ผู้หนึ่งจะเหาะขึ้นและโฉบลงเหมือนนกอินทรี และกางปีกของมันออกสู้โบสราห์ และจิตใจของนักรบแห่งเอโดมในวันนั้นจะเป็นเหมือนจิตใจของหญิงปวดท้องคลอดบุตร”
- 23การพิพากษาดามัสกัส เกี่ยวกับเมืองดามัสกัสอสย.17:1-3; อมส.1:3-5; ศคย.9:1 ว่า“เมืองฮามัทและเมืองอารปัดต้องอับอายเพราะมันทั้งหลายได้ยินข่าวร้ายมันก็กลัวลาน มันกังวลใจเหมือนทะเลซึ่งสงบลงไม่ได้
- 24เมืองดามัสกัสก็อ่อนแรง มันหันเพื่อจะหนีและความกลัวจนตัวสั่นจับมันไว้ความแสนระทมและความเศร้ายึดมันไว้อย่างผู้หญิงกำลังคลอดบุตร
- 25เมืองที่มีชื่อเสียงถูกทอดทิ้งภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ไม่ถูกทอดทิ้งได้อย่างไร?คือเมืองแห่งความชื่นบานนั้น
- 26เพราะฉะนั้น คนหนุ่มๆ ของเมืองนั้นจะล้มลงตามลานเมืองและบรรดาทหารของเมืองนั้นจะถูกทำลายในวันนั้น พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ
- 27และเราจะก่อไฟขึ้นที่กำแพงเมืองดามัสกัสและไฟนั้นจะเผาผลาญวังของเบนฮาดัดเสีย”
- 28การพิพากษาเผ่าเคดาร์ และราชอาณาจักรฮาโซร์ เกี่ยวกับเผ่าเคดาร์และราชอาณาจักรฮาโซร์ ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนโจมตีพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า“จงลุกขึ้น ไปสู้เผ่าเคดาร์จงทำลายประชาชนแห่งตะวันออกเสีย
- 29เต็นท์และฝูงแพะแกะของพวกเขาจะถูกริบเสียทั้งม่านและข้าวของทั้งสิ้นของเขาอูฐของเขาจะถูกนำเอาไปจากเขาและคนจะร้องแก่เขาว่า ‘ความสยดสยองมีอยู่ทุกด้าน’
- 30พระยาห์เวห์ตรัสว่า ชาวเมืองฮาโซร์เอ๋ยจงหนีไป จงไปให้ไกล ไปอาศัยในถ้ำลึกเพราะเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงคิดแผนการต่อสู้เจ้าและทรงตั้งเป้าหมายต่อสู้เจ้า”
- 31พระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงลุกขึ้น ไปสู้ประชาชาติหนึ่งที่อยู่สบายซึ่งอาศัยอยู่อย่างมั่นคงไม่มีประตูเมืองและไม่มีดาลประตูอยู่แต่ลำพัง
- 32อูฐของพวกเขาจะกลายเป็นของที่ปล้นมาได้และฝูงโคของเขาจะเป็นของที่ริบมาพระยาห์เวห์ตรัสว่า เราจะกระจายเขาไปทุกทางลมคือเขาที่โกนผมจอนหูของเขาแปลได้อีกว่า คือเขาที่อยู่ในที่ห่างไกลและเราจะนำภัยพิบัติมาจากทุกด้านของเขา
- 33เมืองฮาโซร์จะเป็นที่อาศัยของหมาป่าเป็นที่ทิ้งร้างอยู่เป็นนิตย์ไม่มีใครจะพักที่นั่นไม่มีมนุษย์คนใดจะอาศัยในนั้น”
- 34การพิพากษาเมืองเอลาม พระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งมายังเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะเกี่ยวกับเมืองเอลาม ในตอนต้นรัชกาลเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์
- 35พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า “นี่แน่ะ เราจะหักคันธนูของเอลาม ซึ่งเป็นขุมพลังของพวกเขา
- 36และเราจะนำลมทั้งสี่ทิศจากฟ้าทั้งสี่ส่วนมาสู้เอลาม และเราจะกระจายเขาไปตามลมเหล่านั้น จะไม่มีประเทศใดซึ่งผู้ถูกขับไล่ออกจากเอลามจะไปไม่ถึง
- 37เราจะทำให้เอลามสยดสยองต่อหน้าศัตรูของพวกเขา และต่อหน้าผู้ที่แสวงเอาชีวิตของเขา พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราจะนำเหตุร้ายมาถึงเขาทั้งหลาย คือความพิโรธอันแรงกล้า เราจะใช้ให้ดาบไล่ตามเขาจนกว่าเราจะได้เผาผลาญเขาเสีย
- 38และเราจะตั้งพระที่นั่งของเราในเอลาม และทำลายกษัตริย์ และบรรดาเจ้านายของเขาทั้งหลาย” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
- 39พระยาห์เวห์ตรัสว่า “แต่ในเวลาต่อไปเราจะให้เอลามกลับสู่สภาพเดิม”