- 1การพิพากษาอันยุติธรรมของพระเจ้า เพราะฉะนั้น มนุษย์เอ๋ย ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร เมื่อท่านพิพากษาอีกคนหนึ่งนั้น ท่านไม่มีข้อแก้ตัวเลย เพราะเมื่อพิพากษาเขา ก็ได้ลงโทษตัวเองด้วยมธ.7:1; ลก.6:37 เพราะว่าท่านที่ตัดสินเขาก็ยังประพฤติอยู่อย่างเดียวกับเขา
- 2เรารู้ว่า การที่พระเจ้าทรงลงโทษคนที่ประพฤติเช่นนั้นก็สมควรจริงๆ
- 3มนุษย์เอ๋ย ท่านที่ตัดสินคนที่ประพฤติเช่นนั้น แต่ยังประพฤติเช่นเดียวกับเขา ท่านคิดว่าจะพ้นจากการลงโทษของพระเจ้าหรือ?
- 4หรือว่าท่านประมาทพระกรุณาอันอุดม ความอดกลั้นพระทัย และความอดทนของพระองค์ โดยไม่รู้หรือว่าพระกรุณาคุณของพระเจ้านั้น มุ่งจะชักนำท่านให้กลับใจใหม่?
- 5แต่เพราะท่านใจแข็งกระด้างไม่ยอมกลับใจ ท่านจึงสะสมโทษให้แก่ตัวเอง ในวันที่พระเจ้าทรงพระพิโรธ ซึ่งพระองค์จะทรงสำแดงการพิพากษาที่เที่ยงธรรมให้ประจักษ์
- 6เพราะพระองค์จะประทานแก่ทุกคนตามควรแก่การกระทำของเขาสดด.62:12; สภษ.24:12
- 7สำหรับคนที่พากเพียรทำความดี แสวงหาศักดิ์ศรี เกียรติ และความเป็นอมตะนั้น พระองค์จะประทานชีวิตนิรันดร์ให้
- 8แต่พระองค์จะทรงพระพิโรธ และลงโทษคนที่มักเห็นแก่ตัวและไม่ประพฤติตามสัจจะ แต่ประพฤติชั่ว
- 9ความทุกขเวทนาจะเกิดแก่ทุกคนที่ประพฤติชั่ว แก่พวกยิวก่อนและแก่พวกกรีกด้วย
- 10แต่ศักดิ์ศรี เกียรติ และสันติสุข จะมีแก่ทุกคนที่ประพฤติดี แก่พวกยิวก่อนและแก่พวกกรีกด้วย
- 11เพราะว่าพระเจ้าไม่ทรงเห็นแก่หน้าใครเลยฉธบ.10:17
- 12พวกที่ไม่มีธรรมบัญญัติและทำบาป จะต้องพินาศโดยไม่อ้างธรรมบัญญัติ และพวกที่มีธรรมบัญญัติและทำบาป ก็จะต้องถูกพิพากษาตามธรรมบัญญัติ
- 13เพราะว่าคนที่เพียงแต่ฟังธรรมบัญญัติเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า คนที่ประพฤติตามธรรมบัญญัติต่างหากที่พระเจ้าทรงทำให้เป็นผู้ชอบธรรม
- 14เมื่อคนต่างชาติซึ่งไม่มีธรรมบัญญัติได้ประพฤติตามธรรมบัญญัติโดยปกติวิสัย คนเหล่านั้นแม้ไม่มีธรรมบัญญัติก็เป็นธรรมบัญญัติให้ตัวเอง
- 15เขาแสดงให้เห็นว่าหลักความประพฤติที่เป็นตามธรรมบัญญัติหลักความประพฤติที่เป็นตามธรรมบัญญัติ ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า งานของธรรมบัญญัตินั้น มีจารึกอยู่ในจิตใจของเขา และมโนธรรมก็เป็นพยานของเขาด้วย ความคิดขัดแย้งต่างๆ ของเขานั้นแหละจะกล่าวโทษตัวเขา หรืออาจจะแก้ตัวให้ก็ได้
- 16ในวันที่พระเจ้าทรงพิพากษาความลับของมนุษย์โดยพระเยซูคริสต์ ทั้งนี้ตามข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น
- 17พวกยิวและธรรมบัญญัติ แต่ถ้าท่านเรียกตัวเองว่ายิวและพึ่งธรรมบัญญัติ และอวดว่าตนมีความสัมพันธ์พิเศษกับพระเจ้าภาษากรีกแปลตรงตัวว่า อวดในพระเจ้า
- 18และว่าท่านรู้จักพระประสงค์ของพระองค์ และเห็นชอบในสิ่งที่ประเสริฐ เพราะว่าได้เรียนจากธรรมบัญญัติ
- 19และถ้าท่านมั่นใจว่าเป็นผู้จูงคนตาบอด เป็นความสว่างให้แก่คนทั้งหลายที่อยู่ในความมืด
- 20เป็นผู้สอนคนโง่ เป็นครูสอนเด็ก เพราะท่านมีแบบจำลองของความรู้และความจริงในธรรมบัญญัตินั้น
- 21ฉะนั้นท่านซึ่งเป็นผู้สอนคนอื่นจะไม่สอนตัวเองหรือ? ขณะที่ท่านเทศนาว่าไม่ควรลักทรัพย์ ตัวท่านเองลักหรือเปล่า?
- 22ท่านผู้ที่สอนว่าไม่ควรล่วงประเวณีตัวท่านเองล่วงประเวณีหรือเปล่า? ท่านผู้รังเกียจรูปเคารพ ตัวท่านเองปล้นวิหารไหม?
- 23ท่านผู้โอ้อวดว่ามีธรรมบัญญัติ ตัวท่านเองยังลบหลู่พระเกียรติพระเจ้าด้วยการละเมิดธรรมบัญญัติหรือเปล่า?
- 24เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “พระนามของพระเจ้าเป็นที่ดูหมิ่นท่ามกลางคนต่างชาติก็เพราะพวกท่าน”อสย.52:5
- 25ถ้าท่านประพฤติตามธรรมบัญญัติ พิธีเข้าสุหนัตพิธีตัดหนังปลายองคชาต โดยพิธีนี้ผู้ชายเข้าศาสนายิว ก็เป็นประโยชน์จริง แต่ถ้าท่านละเมิดธรรมบัญญัติ การที่ท่านเข้าสุหนัตนั้นก็เหมือนกับว่าไม่ได้เข้าเลย
- 26เพราะฉะนั้นถ้าคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตยังประพฤติตามธรรมบัญญัติแล้วภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ประพฤติตามความชอบธรรมแห่งธรรมบัญญัติแล้ว การที่เขาไม่ได้เข้าสุหนัตนั้น จะถือว่าเขาได้เข้าแล้วไม่ใช่หรือ?
- 27และพวกที่ไม่เข้าสุหนัตทางร่างกาย แต่ประพฤติตามธรรมบัญญัติ เขาจะพิพากษาท่านผู้มีประมวลธรรมบัญญัติและได้เข้าสุหนัตแล้ว แต่ยังละเมิดธรรมบัญญัตินั้น
- 28เพราะว่ายิวแท้ ไม่ใช่คนเป็นยิวแต่ภายนอกเท่านั้น และการเข้าสุหนัตแท้ก็ไม่ใช่การเข้าสุหนัตซึ่งปรากฏที่เนื้อหนังเท่านั้น
- 29คนเป็นยิวแท้ คือคนที่เป็นยิวภายใน และการเข้าสุหนัตแท้นั้นเป็นเรื่องของจิตใจฉธบ.30:6 ตามพระวิญญาณไม่ใช่ตามตัวบทบัญญัติ คนอย่างนั้นไม่ได้รับการยกย่องจากมนุษย์ แต่ได้รับจากพระเจ้า