1 พันธสัญญาของพระเจ้าต่อดาวิด มัสคิลบทหนึ่งของเอธาน ตระกูลเอศราคข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะร้องเพลงถึงความรักมั่นคงของพระองค์เป็นนิตย์ปากของข้าพระองค์จะประกาศความซื่อสัตย์ของพระองค์ทุกชั่วชาติพันธุ์
2 ข้าพระองค์กล่าวว่า ความรักมั่นคงของพระองค์จะตั้งอยู่เป็นนิตย์พระองค์จะทรงสถาปนาความซื่อสัตย์ของพระองค์ในฟ้าสวรรค์วรรคนี้แปลได้อีกว่า ความซื่อสัตย์ของพระองค์จะมั่นคงดังฟ้าสวรรค์
3 พระองค์ตรัสว่าฉบับฮีบรูไม่มีข้อความ พระองค์ตรัสว่า “เราได้ทำพันธสัญญากับผู้ที่เราเลือกเราได้ปฏิญาณกับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า
4 ‘เราจะสถาปนาพงศ์พันธุ์ของเจ้าไว้เป็นนิตย์และจะสร้างบัลลังก์ของเจ้าไว้ทุกชั่วชาติพันธุ์’ ”2 ซมอ.7:12-16;1 พศด.17:11-14; สดด.132:11; กจ.2:30 เส-ลาห์
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ฟ้าสวรรค์จะยกย่องการอัศจรรย์ของพระองค์และสรรเสริญความซื่อสัตย์ของพระองค์ในที่ประชุมของผู้บริสุทธิ์
6 เพราะผู้ใดบนฟ้าจะเปรียบกับพระยาห์เวห์ได้?ในบรรดาบุตรของพระเจ้าอาจหมายถึง บรรดาพระของชนชาติอื่น หรือ บรรดาทูตสวรรค์ หรือ ดวงดาวต่างๆ ผู้ใดจะเหมือนพระยาห์เวห์?
7 พระเจ้าทรงเป็นที่เกรงกลัวในสภาของผู้บริสุทธิ์ใหญ่ยิ่งและน่าเกรงขามกว่าทั้งสิ้นที่อยู่รอบพระองค์
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าจอมทัพผู้ใดทรงฤทธิ์เหมือนพระองค์?ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความซื่อสัตย์ของพระองค์ล้อมรอบพระองค์
9 พระองค์ทรงปกครองการเดือดดาลของทะเลเมื่อคลื่นสูงขึ้น พระองค์เองทรงให้สงบ
10 พระองค์เองทรงขยี้ราหับสัตว์ทะเลในตำนานที่มีขนาดมหึมา เป็นตัวแทนของพลังแห่งความวุ่นวายและความชั่วร้ายเหมือนผู้ถูกฆ่าพระองค์ทรงกระจายศัตรูของพระองค์ ด้วยพระกรแข็งแกร่งของพระองค์
11 ฟ้าสวรรค์เป็นของพระองค์ แผ่นดินโลกก็เป็นของพระองค์ด้วยส่วนพิภพและบรรดาสิ่งที่อยู่ในนั้น พระองค์ได้ทรงตั้งไว้
12 ทิศเหนือและทิศใต้ พระองค์เองได้ทรงสร้างขึ้นภูเขาทาโบร์กับภูเขาเฮอร์โมนร้องเพลงถวายแด่พระนามของพระองค์ด้วยความยินดี
13 พระองค์ทรงมีพระกรอันทรงอานุภาพพระหัตถ์ของพระองค์ก็แข็งแรง พระหัตถ์ขวาของพระองค์ก็สูงส่ง
14 ความชอบธรรมและความยุติธรรมเป็นรากฐานแห่งบัลลังก์ของพระองค์ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์เดินนำหน้าพระองค์
15 ชนชาติที่รู้จักการโห่ร้องอย่างชื่นบานก็เป็นสุขข้าแต่พระยาห์เวห์ คือบรรดาผู้ที่เดินในแสงสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์
16 พวกเขาเปรมปรีดิ์ในพระนามของพระองค์เสมอและยืนขึ้นในความชอบธรรมของพระองค์แปลได้อีกว่า และยกย่องความชอบธรรมของพระองค์
17 เพราะพระองค์ทรงเป็นเกียรติและกำลังของเขาทั้งหลายแต่โดยความโปรดปรานของพระองค์ เขาเป็นสัญลักษณ์เล็งถึง กำลังของข้าพระองค์ทั้งหลายจึงถูกยกขึ้นหมายความว่า พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายชนะศัตรู
18 เพราะโล่ของเราสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง พหูพจน์ ใช้เมื่อพูดกับมนุษย์เป็นของพระยาห์เวห์พระราชาของเราเป็นขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
19 ในกาลก่อน พระองค์ตรัสด้วยนิมิตแก่ผู้จงรักภักดีของพระองค์ และตรัสว่า“เราได้ให้ความช่วยเหลือแก่นักรบคนหนึ่งเราได้ยกย่องคนที่เราเลือกจากประชาชน
20 เราได้พบดาวิดผู้รับใช้ของเรา1 ซมอ.13:14; กจ.13:22เราได้เจิมเขาไว้ด้วยน้ำมันบริสุทธิ์ของเรา1 ซมอ.16:12
21 เพื่อมือของเราจะอยู่กับเขาและแขนของเราจะเสริมกำลังของเขา
22 ศัตรูจะหลอกเขาไม่ได้คนชั่วจะข่มเหงเขาไม่ได้
23 เราจะขยี้คู่อริของเขาต่อหน้าเขาและตีผู้ที่เกลียดเขาให้ล้มลง
24 ความซื่อสัตย์และความรักมั่นคงของเราจะอยู่กับเขาและเขาเป็นสัญลักษณ์เล็งถึงกำลังของเขาจะถูกยกขึ้นโดยนามของเรา
25 เราจะเอามือของเขาวางบนทะเลและมือขวาของเขาบนแม่น้ำทั้งหลายหมายความว่า พระเจ้าจะทรงให้อำนาจการปกครองของดาวิดขยายจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงแม่น้ำยูเฟรติส
26 เขาจะร้องต่อเราว่า ‘ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์และเป็นศิลาแห่งความรอดของข้าพระองค์’
27 และเราจะให้เขาเป็นบุตรหัวปีสูงที่สุดในบรรดาพระราชาแห่งแผ่นดินโลกวว.1:5
28 เราจะเก็บรักษาความรักมั่นคงของเราไว้ให้เขาเป็นนิตย์และพันธสัญญาที่เราทำกับเขาจะมั่นคงอยู่
29 เราจะสถาปนาพงศ์พันธุ์ของเขาไว้เป็นนิตย์ทั้งให้บัลลังก์ของเขาดำรงอยู่ตราบเท่าที่ฟ้าสวรรค์ดำรงอยู่
30 ถ้าลูกหลานของเขาทิ้งธรรมบัญญัติของเราและไม่ดำเนินตามกฎหมายของเรา
31 ถ้าพวกเขาฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของเราและมิได้รักษาบัญญัติของเรา
32 แล้วเราจะลงโทษการละเมิดของพวกเขาด้วยไม้เรียวและลงโทษความชั่วของเขาด้วยการเฆี่ยน
33 แต่จะไม่ถอนความรักมั่นคงของเราไปจากเขาและจะไม่ทรยศต่อความซื่อสัตย์ของเรา
34 เราจะไม่ละเมิดพันธสัญญาของเราหรือพลิกแพลงถ้อยคำที่ออกไปจากริมฝีปากของเรา
35 เราปฏิญาณโดยความบริสุทธิ์ของเราครั้งเดียวเป็นพอเราจะไม่มุสาต่อดาวิด
36 พงศ์พันธุ์ของเขาจะดำรงอยู่เป็นนิตย์บัลลังก์ของเขาจะยืนนานอย่างดวงอาทิตย์ต่อหน้าเรา
37 บัลลังก์จะตั้งอยู่เป็นนิตย์อย่างดวงจันทร์และสักขีพยานบนท้องฟ้าก็แน่นอน”เส-ลาห์
38 แต่บัดนี้ พระองค์ทรงทอดทิ้งและปฏิเสธพระองค์ทรงพระพิโรธต่อผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้
39 พระองค์ได้ทรงยกเลิกพันธสัญญาที่ทำกับผู้รับใช้ของพระองค์พระองค์ทรงทำให้มงกุฎของท่านท่าน ในข้อนี้จนถึงข้อ 45 เป็นคำสรรพนามบุรุษที่สาม ใช้แทนกษัตริย์เป็นมลทินในผงคลีดิน
40 พระองค์ทรงพังกำแพงทั้งสิ้นของท่านพระองค์ทรงให้ที่กำบังอันแข็งแกร่งของท่านพังทลาย
41 คนทั้งปวงที่ผ่านไปก็ปล้นท่านท่านกลายเป็นที่เยาะเย้ยของเพื่อนบ้าน
42 พระองค์ทรงยกมือขวาคู่อริของท่านขึ้นพระองค์ทรงทำให้ศัตรูทั้งสิ้นของท่านยินดี
43 ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงหันคมดาบของท่านและมิได้ทรงให้ท่านตั้งมั่นคงในสงคราม
44 พระองค์ทรงให้ความรุ่งโรจน์ของท่านเสื่อมสูญไปและทรงเหวี่ยงบัลลังก์ของท่านลงสู่พื้นดิน
45 พระองค์ทรงตัดวันเวลาวัยหนุ่มของท่านให้สั้นและทรงคลุมท่านไว้ด้วยความอายเส-ลาห์
46 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะซ่อนองค์อยู่นานเท่าใด? เป็นนิตย์หรือ?พระพิโรธของพระองค์จะไหม้อยู่นานเท่าใด?
47 ขอทรงระลึกว่าช่วงชีวิตของข้าพระองค์สั้นเพียงไรเพราะพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ทุกคนมาเปล่าประโยชน์แท้ๆ
48 มนุษย์คนใดมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องเห็นความตาย?ผู้ใดจะช่วยชีวิตของตนจากมือของแดนคนตายได้?เส-ลาห์
49 ข้าแต่องค์เจ้านาย ความรักมั่นคงของพระองค์ในกาลก่อนอยู่ที่ไหน?ซึ่งทรงปฏิญาณต่อดาวิดโดยความซื่อสัตย์ของพระองค์
50 ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงระลึกว่าผู้รับใช้ของพระองค์ถูกเยาะเย้ยอย่างไรและข้าพระองค์แบกรับความสบประมาทฉบับฮีบรูไม่มี ความสบประมาทของชนชาติทั้งหลายไว้ในอกของข้าพระองค์อย่างไร
51 ข้าแต่พระยาห์เวห์ นั่นแหละศัตรูของพระองค์ได้เย้ยหยันนั่นแหละเขาเย้ยรอยเท้าของผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้
52 สาธุการแด่พระยาห์เวห์เป็นนิตย์อาเมน และ อาเมน